#echo banner="" ธรรมลังการ หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ

ธรรมลังการ

พระโพธิธรรมาจารย์เถระ (หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ)

วัดป่าเขาน้อย ต.เสม็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์

คัดลอกจากหนังสือ "ธรรมลังการ"

ซึ่งพิมพ์เนื่องในโอกาสที่หลวงปู่เจริญอายุครบ ๘๑ ปี

เมื่อวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๔๓

โพสท์ในลานธรรมเสวนาโดยคุณ : ไก่แก้ว [ 15 ธ.ค. 2544 ]

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุท ธัสสะ (3 จบ)

ขอน้อมนอบแด่ พระผู้มีพระภาค ผู้เป็นอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น ด้วยความเคารพ บัดนี้จะได้แสดงธรรมมิกถา พรรณนาในธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อเป็นเครื่องประดับสติปัญญาบารมี กุศลราศี สัมมาปฏิบัติ ของพวกเรา เหล่าพุทธบริษัทที่ได้ตั้งใจมาบำเพ็ญการกุศล ตามเวลาที่เรามีในคราวนี้ เพื่อให้เป็นบุญราศียิ่งๆขึ้นไป ในธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น พระองค์ได้ทรงแสดงไว้หลายนัย หลายประการ แต่จะสรุปข้อความโดยย่อๆ ก็สอนอยู่ที่กาย ที่ตัวของเรา วาจาที่มีอยู่ในตัวของเราและจิตใจของเรา มีเพียงเท่านั้น ปริมณฑลแห่งธรรมคำสอนพระพุทธเจ้า

เพราะฉะนั้น เราทั้งหลาย เมื่ออยากรู้ธรรมก็พึงศึกษาเข้ามาในตัวของเรา เหมือนในธรรมคุณ ท่านแสดงว่าโอปนยิโก ให้น้อมเข้ามาใส่ตัวของเรา เพื่อจะได้รู้จักสิ่งที่ดีและชอบ สิ่งที่ประกอบไปด้วยประโยชน์ และไม่เป็นประโยชน์ มีธรรมตอนหนึ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แสดงไว้ว่า ปุพเพกตปุญญ บุคคลที่จะได้อัตภาพมาเป็นมนุษย์ มีชีวิตอยู่ได้ ก็ต้องอาศัยเป็นผู้มีบุญกุศล ในการสั่งสมอบรมมา

เพราะฉะนั้น คนไม่มีบุญ ไม่ได้ทำไว้ แม้ปรารถนาอยากจะเป็นมนุษย์ ก็เป็นไม่ได้ เพราะไม่มีบุญเกื้อหนุนที่จะให้ได้อัตภาพมาเป็นมนุษย์

การได้อัตภาพมาเป็นมนุษย์นี้ เป็นสิ่งที่ยาก จะต้องอาศัยมาด้วยพลัง คือ ผลพลังแห่งบุญทั้งนั้น ถ้าบุคคลผู้ใดไม่ได้สั่งสม อบรม บุญกุศล ให้สมบูรณ์ บริบูรณ์ ให้มีกำลังแล้ว ก็จะไปตกอยู่ในอบายภูมิชั้นใดชั้นหนึ่ง ซึ่งเป็นภูมิที่ตกต่ำหยาบช้ากว่ามนุษย์ เช่น จำพวกสัตว์เดียรัจฉาน เป็นต้น เมื่อใดหลุดจากมนุษย์ ไปเป็นสัตว์เดียรัจฉาน เพราะผลกรรม คือกรรมไม่ดีที่ตนกระทำไว้ เมื่อยังมีชีวิตเป็นมนุษย์ อยากจะกลับมาเป็นมนุษย์อีก ไม่ใช่เป็นของได้โดยง่าย เพราะในภพนั้น ในภูมินั้นไม่มีการอบรม ไม่มีการสั่งสอน ไม่สมบูรณ์ บริบูรณ์ ที่จะประพฤติ ปฏิบัติ สร้างบุญสร้างกุศลได้ เพราะฉะนั้น ที่จะกลับมาได้เป็นอัตภาพของมนุษย์ เป็นของยาก สำหรับของที่ยากนั้น เป็นของง่ายสำหรับเรา ผู้ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ เหมือนกับไม่ยากอะไรเลย เพราะเราไม่ได้รู้เนื้อ รู้ตัว พอปรากฏเติบใหญ่ขึ้นมา แล้วก็ได้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ทีเดียว เหมือนกับเป็นของง่าย เราก็เลยมัวเมา ประมาท ไม่ได้สำเหนียก สำนึก ระลึกถึงว่าก่อนที่เราได้อัตภาพมาเป็นมนุษย์นั้น เรามีความปรารถนานักหนา มีความพยายามทำบุญ ทำกุศล อธิฐาน เพื่อจะได้อัตภาพมาเป็นมนุษย์ เพราะการเกิดเป็นมนุษย์ ก็เกิดมาได้โดยยาก

ไม่เหมือนกับสัตว์อื่นๆ ในปีหนึ่งๆ เกิดได้ ตั้งหลายครั้ง ในครั้งหนึ่งๆ ได้ตั้งหลายตัวเสียด้วย

ส่วนมนุษย์นั้น ยิ่งปัจจุบันแล้ว เกิดยาก เราได้เกิดมาแล้ว ควรระลึกถึงคุณงาม ความดี น่าที่เราจะต้องสร้างสมอบรม เพื่อให้ได้กำลัง ให้ได้ความสุข ประณีตในชีวิต ไปตามลำดับ เราจะได้ความสุขนั้น เพราะอาศัยเราได้อบรมจิตใจให้มีความฉลาด สามารถทำสิ่งที่ให้เกิดประโยชน์ ให้นำความสุขมาสู่ตัวของเรา

เพราะฉะนั้น การอบรมจิตใจ ด้วยการปฏิบัติธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เป็นต้นว่า การให้ทานนี้ ก็เป็นสิ่งที่เกื้อหนุนบุคคล ผู้มีชีวิตเป็นมนุษย์นี้ ให้มีความสมบูรณ์ บริบูรณ์ เพราะได้ร่างเป็นมนุษย์แต่เป็นคนจน ทุกข์ไร้เข็ญใจ จนทรัพย์อับปัญญา อนาถา จะได้ความสุขอย่างไร ได้แต่เพียงอัตภาพเป็นมนุษย์เท่านั้น เพราะฉะนั้น มนุษย์ที่จะมีความสุขนั้น จะต้องเป็นผู้ที่สมบูรณ์ บริบูรณ์ ไปด้วยสิ่งที่เกื้อหนุนในชีวิต ทั้งอยู่ได้รับความสะดวกสบาย เป็นต้นว่าสมบูรณ์ บริบูรณ์ ไปด้วยเครื่องบริโภค อุปโภค เพื่อบำบัดความเหน็ดเหนื่อย เมื่อย หิว ด้วยประการต่างๆ มีเครื่องนุ่งเครื่องห่ม เครื่องบริโภค มียาบำบัดโรคภัยไข้เจ็บ ตลอดถึงบริบูรณ์ สมบูรณ์ ไปด้วยปัจจัยสี่ อันได้โดยง่าย ถึงเราจะสมบูรณ์ บริบูรณ์ ด้วยสิ่งเหล่านี้แล้ว ก็ยังไม่สมบูรณ์ด้วยความสุขอย่างแท้จริง เพราะสิ่งเหล่านี้ เกื้อหนุนแต่เพียงอัตภาพร่างกาย ส่วนจิตใจไม่ได้เกี่ยวข้องกับวัตถุสิ่งเหล่านี้เลย ถึงอย่างนั้น เราก็มีความกระทบกระเทือนใจ ยังมีความสุขใจ มีความทุกข์ใจ มีความเดือดเนื้อร้อนใจ เพราะฉะนั้น จำเป็นจะต้องอาศัย มีธรรมะเครื่องอบรมใจอีกครั้งหนึ่ง

เมื่อพูดถึงธรรมแล้ว ก็จำเป็นอย่างยิ่งจะต้องอาศัย เรามีสถานที่ฝึก สถานที่ศึกษา สถานที่อบรม เพราะฉะนั้นจำเป็นอย่างยิ่ง จะต้องมีสำนัก ที่เรียกว่า วัด ขึ้นมา

เมื่อมีวัดขึ้นมาแล้ว เราก็จะได้รวบรวมความประพฤติ ปฏิบัติ กระทั่งการศึกษา รวบรวมความประพฤติ ปฏิบัติ กระทั่งการศึกษา รวบรวมความดีที่มีอยู่ในวัด เรียกว่า ปูชนียสถาน สถานที่ประพฤติ คุณงามความดี สถานที่เคารพ กราบไหว้ การเคารพ การกราบไหว้ ด้วยความเชื่อ ความเลื่อมใส เป็นความดีส่วนหนึ่ง ใจเกิดความสงบและความสุข ความเย็นใจในการอยู่ร่วมกัน เป็นระเบียบอันเรียบร้อย อันดีงาม

ธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น เป็นความงาม ไม่มีบริษัทใด ที่จะงามเหมือน บริษัทผู้ประพฤติธรรมถูกต้อง ตามคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะบริษัทของพระองค์ เต็มไปด้วยความรู้จัก เห็นใจซึ่งกันและกัน มีน้ำใจต่อกันและกัน ด้วยความสำรวม ด้วยการระวัง แสดงออกแต่ความเรียบร้อย คุณงามความดี เป็นมิตรภาพ เป็นชีวิตเสมอกัน มีการเสียสละ เพื่อการให้เกิดความสงบ ความเรียบร้อย นี่ก็เป็นบริษัทงาม ส่วนหนึ่งที่จะทำให้ผู้อื่น ผู้ยังไม่เลื่อมใส ก็ให้เลื่อมใส ผู้ที่เลื่อมใสแล้ว ก็ให้เลื่อมใสและปฏิบัติยิ่งๆ ขึ้นไป ความงามในเบื้องต้น ที่เรียกว่า อาทิกลฺยาณํ คือ ศีล การสำรวมกาย และสำรวมในการพูดแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ พูดแต่ความสัตย์ ความจริง เป็นบริษัทที่มีศีล มีความงามทางกาย ทางวาจา

มชฺเฌกลฺยาณํ งามในท่ามกลาง คือ สมาธิ มีสติ จิตใจสงบ ระงับ เอิบอิ่ม เบิกบาน ในจิตในใจ ไม่มีความกระทบกระเทือน ให้เศร้าหมอง ให้เดือดร้อน เมื่อสิ่งที่ไม่ดีเกิดขึ้น ผู้ที่มีสติอบรมจิตใจแล้ว จะต้องเป็นผู้รู้ตัวได้เร็วมากกว่า รู้จักสิ่งที่ไม่ดีเกิดขึ้นแล้วแก่เรา เราจำเป็นจะต้องละ สิ่งที่ไม่ดีนี้ให้ได้ มีอุบายที่จะละ ไม่ให้สิ่งที่ไม่ดี ตั้งอยู่มั่นคงในจิตใจของบุคคลผู้ปฏิบัติสมาธิได้ พยายามปล่อยวางสิ่งที่ไม่ดี สิ่งที่มากระทบกระเทือน เพราะสิ่งที่ไม่ดีเกิดขึ้นที่ไหน ก็เป็นทุกข์ที่นั้น เกิดขึ้นในจิตใจของเรา ก็ทำให้จิตใจของเราเศร้าหมอง ทำให้จิตใจของเราเศร้าโศก เสียใจ ทุกข์ใจ เดือดเนื้อร้อนใจ ทุกข์เห็นชัดๆ จากสิ่งที่ไม่ดี

เพราะฉะนั้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา พระองค์จึงสั่งสอนให้ละสิ่งที่ไม่ดี เพราะสิ่งที่ไม่ดีนั้นนำทุกข์มาสู่ตัวของเรา เมื่อเราไม่ต้องการทุกข์แล้ว เราไม่ควรยินดีในสิ่งที่ไม่ดี เมื่อรู้ว่าสิ่งที่ไม่ดีเกิดขึ้นในตัวของเรา เป็นเหตุให้ได้รับความสะเทือนใจ เราก็พยายามหาทางคลี่คลายออก ปล่อยวาง หรือหาอุบายต่างๆ ถ่ายเทออกจากจิตใจของเรา เรียกว่า ระบายอารมณ์ ด้วยการสวดมนต์ ไหว้พระบ้าง ด้วยการทำสมาธิ ภาวนา ระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้าบ้าง ระลึกถึงคุณพระธรรม ระลึกถึงคุณพระสงฆ์ หรือระลึกถึงทานที่เราบริจาค สงเคราะห์ช่วยเหลือ เพื่อเป็นประโยชน์ สาธารณะประโยชน์ก็ดี หรือประโยชน์ทางพระพุทธศาสนา แก่วัดวาอาราม เพื่อเป็นสถานที่ฝึกหัดปฏิบัติก็ดี เมื่อระลึกขึ้นมาว่า เราได้ทำความดี มีทานเป็นต้น จะทำให้จิตใจของเราผ่องใส เบิกบาน อาจสามารถออกจากสิ่งที่ไม่ดีได้ เข้าสู่ความดี ความดีย่อมปรากฏขึ้นในจิตใจของเรา ทำให้ใจของเราเย็นสบายขึ้นมา ชื่นบานสดใสขึ้น เพราะเหตุนั้น พระพุทธเจ้าสอนให้เราประพฤติ ปฏิบัติคุณงามความดี

เมื่อเกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว อย่าเป็นมนุษย์เปล่าๆ ให้มีเครื่องประดับ เครื่องบริโภค อุปโภคใช้สอย เครื่องประดับตกแต่งที่เรียกว่า มนุษย์ที่สมบูรณ์

การประดับตกแต่งไม่มีสิ่งใดที่จะงามเท่าการประพฤติธรรม เรียกว่า ธรรมลังการ เครื่องประดับ คือ ธรรม ประดับกายให้เรียบร้อย ประดับวาจาให้เรียบร้อย ประดับจิตให้มั่นคง หนักแน่น สงบเสงี่ยม เรียบร้อย ผ่องใส สะอาด ด้วยวิธีการอบรมสมาธิ เรียกว่า มชฺเชกลฺยานํ

ปริโยสานกลฺยาณํ งามในที่สุด คือ ปัญญา ปัญญานี่เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เป็นเครื่องส่องทาง การปฏิบัติของเรา ให้ปลอดภัย ให้พ้นภัย ให้สามารถมองเห็นสิ่งที่ดีและสิ่งที่ไม่ดี สิ่งที่เป็นคุณและเป็นโทษ เหมือนกับบุคคลตาดีเดินทางไปที่ไหนก็ได้อาศัยความแสงสว่างของตานั้น เห็นสิ่งต่างๆ ที่ควรไปและไม่ควรไป เว้นทางที่ผิด แล้วไปตามทางที่ถูก เว้นทางที่ไม่ปลอดภัย แล้วไปเดินทางที่ปลอดภัยด้วยความระมัดระวัง ก็มีชีวิตอยู่ในโลกอย่างมีความสุข ฉันใดก็ดี

บุคคลที่มีตา ดวงตาคือใจในทางธรรม ที่ได้ประพฤติปฏิบัติ ฝึกหัด อบรมมาดีแล้ว ย่อมมองเห็นสิ่งที่เป็นคุณ เป็นประโยชน์ ที่ควรปฏิบัติ ควรกระทำ เห็นสิ่งที่เป็นภัย ที่พระพุทธเจ้าสอนให้ละ แล้วก็พยายามละ สิ่งที่เป็นภัย เป็นเวร ที่นำทุกข์โทษมาให้ บุคคลผู้นั้นก็ชื่อว่า ออกจากทุกข์ จากโทษ ออกจากภัย เพราะเราละเว้น เราไม่กระทำเวร เวรก็ไม่มีแก่เรา เราไม่ได้สร้างภัยขึ้นมา ภัยก็ไม่มีแก่เรา ยิ่งเราสร้างบุญ สร้างกุศลขึ้นมาแทน แล้วก็ไม่มีช่องว่าง เต็มไปด้วยคุณงามความดี เต็มไปด้วยความสะอาด ความเรียบร้อย ด้วยอาศัยความฉลาด มีปัญญารักษาตน ไปอยู่ที่ไหนก็มีความสุข มีความเจริญ ไม่มีเวร ไม่มีภัย

บุคคลผู้มีปัญญานั้น จะไปเกิดในตระกูลใด ก็ทำตระกูลนั้นให้เจริญ ไปอยู่ในหมู่บ้านใด ตำบลใด เมืองใด สถานที่ใด สถานที่นั้น ก็มีความเจริญ ความเรียบร้อย

เหมือนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงอุบัติตรัสรู้ในโลกนี้ ก็ทำโลกนี้ให้เจริญไปด้วย

การประพฤติธรรม การปฏิบัติธรรม ตั้งอยู่ในศีล ตั้งอยู่ในความเรียบร้อย คุณงามความดี ทำให้โลกนี้อยู่ร่วมกันอย่างสันติ ไม่มีการเบียดเบียนซึ่งกันและกัน มีชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างรักใคร่กัน นับถือกันตลอดมา

ในบริษัทของ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำให้ทุกคน เหมือนเป็นพี่เป็นน้อง เป็นญาติกัน มีชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุข นี้เป็นบริษัทที่งาม อาศัยความบังเกิดขึ้นแห่งบัณฑิต คือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นต้น แล้วพระองค์ได้ละโลกอันนี้ไปแล้ว ดับขันธ์เข้าสู่ปรินิพพาน ร่องรอย ปฏิปทา อันเป็นธรรมคำสั่งสอนขององค์พระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ยังปรากฏเหลืออยู่ ยังไม่หมดสิ้นตามธาตุขันธ์ของพระองค์ที่มันเปลี่ยนแปลงไป

ส่วนคำสอนของพระองค์ไม่เปลี่ยนแปลง ยังประดิษฐานอยู่ช้านานจนถึงปัจจุบัน เกิดมาได้ประสบพบเห็น ศึกษา ประพฤติ ปฏิบัติ ได้รับความสุข ตามภาวะที่เรากระทำได้ สมควรแก่การประพฤติ ปฏิบัติของเรา ที่เราทำได้ ให้ผลเหมาะสม ตามกำลังของเรา ให้เราได้รับความรู้ ความฉลาด ตามกำลังที่เราทำได้ พอเราจะสอดส่องมองเห็นทางดี ทางชั่ว ควรกระทำ ควรละ ให้เราได้รับความเอิบอิ่ม ที่เราได้อัตภาพมาเป็นคนหรือมนุษย์ ได้มีทรัพย์สมบัติ ทั้งภายนอก ภายใน ให้สมบูรณ์ บริบูรณ์

เพราะเหตุนั้น เราทั้งหลาย พึงตั้งใจศึกษาว่า ชีวิตของเรามีประมาณ ยังเหลืออยู่เท่าไหร่ เราก็พยายามจะทำแต่ความดี เราพยายามที่จะละแต่สิ่งที่ไม่ดี เพราะเราทราบชัดแล้วว่า ความดีเท่านั้น ที่จะทำให้เรามีความสุขในชีวิต ความดีเท่านั้นทำให้เรามีความเจริญ ทั้งในปัจจุบัน และเบื้องหน้า ความดีนั้น เมื่อเราประกอบขึ้นในจิตใจ ทำให้จิตใจดีแล้ว นั่งก็เป็นสุข นอนก็เป็นสุข ยืนก็เป็นสุข เดินก็เป็นสุข

เพราะฉะนั้น สิ่งอันใดที่ทำให้จิตใจของเราดี เราก็พยายามระลึกนึกสิ่งเหล่านั้น เข้ามาให้อยู่ในจิตใจของเราอยู่เสมอ เช่น เราภาวนาระลึก พุทโธ ธัมโม สังโฆ แล้วจิตใจของเราเบิกบาน จิตใจของเราผ่องใส สะอาด สามารถกำจัดความวุ่นวาย ขัดข้องในจิตใจของเราให้ได้ ให้จิตใจของเราเบิกบาน เราก็พยายามระลึก ทำให้เกิด ให้มีขึ้น ในใจของเราอยู่เสมอ จะอยู่ที่ไหนก็ตาม ทำงานใดๆ ก็ตาม เราเมื่อระลึกคุณพระพุทธเจ้าแล้ว ทำให้ใจของเราดี ปลดปล่อยสิ่งที่ไม่ดี ออกจากใจได้ นั้นแหละ เราทั้งหลายจะได้ถึงพระพุทธเจ้า เป็นที่พึ่งอย่างประเสริฐ จะได้ถึงคุณพระธรรม เป็นที่พึ่งอย่างประเสริฐ จะได้คุณพระสงฆ์ เป็นที่พึ่งอย่างประเสริฐ เพราะเราปฏิบัติถูกต้องตามธรรมคำสอนพระพุทธเจ้า

เพราะเหตุนั้นเราทั้งหลาย พึงศึกษาและประพฤติ ปฏิบัติตาม ด้วยธรรมเทศนาที่แสดงมา สมควรแก่กาลเวลา ยุติแต่เพียงเท่านี้ เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้

จากคุณ : ไก่แก้ว [ 15 ธ.ค. 2544 ]

หมายเหตุ: เลขที่ความคิดเห็นที่ขาดหายไปคือความเห็นที่ไม่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเนื้อเรื่อง

ความคิดเห็นที่ความคิดเห็นที่ 2 : (pang)

ปางรู้จักชื่อเสียงของหลวงปู่ ว่าท่านเคยอยู่วัดถ้ำศรีแก้วที่ อ.ภูพาน จ.สกลนคร ครูบาทั้งหลายที่เคารพ ก็เป็นลูกศิษย์และแม้ปัจจุบันก็ยังรับใช้ท่านอยู่ วัดถ้ำศรีแก้วเป็นวัดที่กว้างใหญ่มาก มีเนื้อที่ 1500 ไร่ จะมีช้างออกมาทุกวัน โดยเฉพาะไอ้เป๋ คราวหนึ่ง เคยเล่าเรื่องช้างออกมาฟังธรรมให้เพื่อนร่วมงานฟัง เขาไม่เชื่อพันไม่เชื่อร้อยไม่เชื่อ พอเราผ่านสกลนคร แวะไปกราบครูบา เพื่อนผู้ไม่ยอมเชื่อ เดินเล่นไปตามทางที่เป็นป่าและร่มรื่นมาก สักพักก็ตาตื่นกลับมา เราบอกให้เดินต่อไปอีกสิ ตรงปลายทางจะเป็นถ้ำที่ทั้งหลวงปู่มั่นและหลวงปู่ฝั้น เคยใช้เป็นที่พากเพียรภาวนา เขาสั่นหัวพร้อมทั้งชวนกลับ บอกว่า ไม่น้อยกว่า 5 ตัน ขี้ยังสด ๆ อยู่เลย

วันพระช้างแสนรู้เหล่านั้นจะค่อย ๆ เดินออกมายืนนิ่งน้อมงวงลงต่ำเพื่อฟังธรรม ใครบวชอยู่วัดนี้ ถ้าไม่ภาวนา เอาแต่นอน ช้างจะค่อย ๆ ยื่นงวงเข้าไปในกุฏิ รวมทั้งเอาสีข้างดันกุฏิ จนพัง ครูบาใหม่ ๆ วิ่งป่าราบมาหลายรูปแล้ว

ปางเคยได้กราบและฟังธรรมหลวงปู่ เมื่อสักสองสามปีที่แล้ว ตอนนั้นดูเหมือนท่านจะนั่งรถเข็น และพูดไม่ค่อยได้

ในศาลาที่ใหญ่มาก ในวัดถ้ำศรีแก้ว คืนหนึ่งเพียงคนเดียวกลางป่า เป็นที่ที่ปางได้ผจญกับความกลัวมากที่สุดในชีวิต ประสบการณ์คราวนั้นถือเป็นบุญคุณอันใหญ่หลวง ที่ทำให้บัดนี้จิตใจกล้าแกร่งขึ้น น้อมคารวะ และอนุโมทนาบุญกับคุณไก่แก้ว ที่นำพระธรรมขององค์ท่านมาให้เราได้อ่าน ได้ทบทวน

จากคุณ : pang [ 15 ธ.ค. 2544 ]

ความคิดเห็นที่ความคิดเห็นที่ 3 : (ไก่แก้ว)

ขอบพระคุณค่ะ คุณ pang

ตอนนี้หลวงปู่ท่านพำนักอยู่ที่วัดป่าเขาน้อย ที่ จ. บุรีรัมย์ค่ะ

ท่านยังคงนั่งรถเข็น ค่อนข้างแข็งแรงและสดใสค่ะ

ท่านจะนั่งรถเข็นบิณฑบาตก่อนเข้าศาลาโรงฉัน ตอน 8 โมงเช้า

ญาติโยมจะไปรออยู่หน้าศาลาโรงฉันเพื่อคอยตักบาตรท่านทุกๆเช้าค่ะ

และช่วงบ่ายประมาณ 4 โมงเย็น

ท่านจะออกมานั่งพักผ่อนด้านข้างนอกของกุฏิ

ญาติโยมสามารถไปกราบท่านและถวายน้ำปานะได้ค่ะ

ใครมีอะไรติดขัดในเรื่องการภาวนา

ท่านก็เมตตาชี้แนะให้ค่ะ

เจริญในธรรมค่ะ

จากคุณ : ไก่แก้ว [ 16 ธ.ค. 2544 ]