ขันติวรรณนชาดก
ต้องอดใจในคนที่หาคุณธรรมยาก
พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภพระเจ้าโกศล ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้
ได้ยินว่า อำมาตย์ของพระเจ้าโกศลผู้หนึ่ง ผู้มีอุปการะมาก ได้ลอบเป็นชู้กับนางสนม พระราชาแม้ทรงทราบก็ทรงอดกลั้นนิ่งไว้ด้วยคิดว่า เป็นผู้มีอุปการะแก่เรา ได้กราบทูลพระศาสดา พระศาสดาตรัสว่า มหาบพิตร แม้พระราชาในกาลก่อนก็ทรงอดกลั้นอย่างนี้เหมือนกัน พระเจ้าโกศลทูลอาราธนาจึงทรงนำเรื่องอดีตมาตรัสเล่า |
ในอดีตกาลครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี อำมาตย์ผู้หนึ่งได้ลอบเป็นชู้กับนางสนมของพระองค์ แม้คนใช้ของอำมาตย์ก็ลอบเป็นชู้ในครอบครัวของเขา เขาไม่อาจอดกลั้นความผิดของคนใช้ได้ จึงพาตัวไปเฝ้าพระราชาเพื่อจะถามว่า ข้าแต่สมมติเทพ คนใช้ของข้าพระองค์คนหนึ่งเป็นผู้ทำกิจการทั้งปวง เขาได้เป็นชู้กับครอบครัวของพระองค์ ข้าพระองค์ควรจะทำอะไรแก่เขา จึงกล่าวคาถาแรกว่า :
ข้าแต่พระองค์ผู้สมมติเทพ
ข้าพระบาท มีบุรุษผู้ขวนขวายในกิจการทุกอย่างอยู่คนหนึ่ง
แต่เขามีความผิดอยู่ข้อหนึ่ง พระองค์จะทรงโปรด
ดำริในความผิดของเขานั้นเป็นประการใด พระเจ้าข้า
พระราชาทรงสดับดังนั้นแล้ว จึงกล่าวคาถาที่ ๒ ว่า :
บุรุษเช่นนี้ของเราก็มีอยู่ในที่นี้
แต่บุรุษผู้ประกอบด้วยองค์คุณหาได้ยาก เราจึงสู้อดใจเสีย
อำมาตย์รู้ว่าพระราชาตรัสหมายถึงตน ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่กล้าเป็นชู้กับนางสนมอีก แม้คนใช้ของอำมาตย์นั้น ก็รู้ว่าพระราชาทรงว่ากล่าวตน ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่กล้าทำกรรมนั้นอีก
พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า พระราชาพาราณสีในครั้งนั้น คือเราตถาคตนี้เอง อำมาตย์นั้นรู้ว่าพระราชากราบทูลแด่พระศาสดา ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่อาจทำกรรมนั้น
จบ ขันติวรรณนชาดก